จดหมายส่งให้Internใหม่ จากInternปลดระวาง
สวัสดีครับ เริ่มต้นเดือนใหม่ เดือนพฤษภาคม ปี 57 น่าจะเกิน 1 ปีแล้วที่ผมเองได้เริ่มเขียน blog นี้ขึ้นมา รู้สึกมีความสุขที่ได้ถ่ายทอดสิ่งที่น่ารู้ ให้กับเพื่อน ๆ และ น้อง ๆ ร่วมอาชีพ คิดว่าไม่มากก็น้อย
จนถึงวันนี้ ซึ่งเพื่อนรุ่นเดียวกับผม ก็คงเตรียมตัวย้ายที่ทำงาน หรือ เตรียมตัวไปเที่ยวก่อนที่จะไปเรียนต่อกัน ผมเองก็มีแผนที่จะไปเรียนต่อด้วย แต่ก็ต้องอยู่ช่วยงานกับทางรพ.เดิมก่อน จนกว่าน้อง ๆ ที่เพิ่งย้ายเข้ามาทำงาน จะคล่องตัว
ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี กับน้อง ๆ Intern ใหม่ เพราะเท่าที่จำได้ (ถึงแม้ว่ามันจะผ่านมานานแล้ว แฮ่ ๆ) ตอนที่รู้ตารางงาน รู้ว่าจะต้องทำงานวันแรก คืนนั้นแทบนอนไม่หลับ กังวลทุกสิ่งอย่าง ไม่รู้ว่าจะสั่งยาคนไข้ถูกไหม ,ไม่รู้ว่าจะใส่ท่อช่วยหายใจเข้าหรือเปล่า ,ผ่าตัดทำคลอดยังไม่ชำนาญ , กลัวว่าถ้าโทร consult จะโดนดุไหม สารพัดปัญหา คิดกันให้วุ่น
วันแรก ทุกคนก็จะตื่นกันเช้ามาก รีบอาบน้ำ ไปทานข้าว ทั้ง ๆ ที่ทานกันไม่ค่อยลง แล้วก็รีบไปวอร์ด ไปดูเคสก่อนอาจารย์ เขียนOrder ก็ยังไม่แม่น พยาบาลเอย ญาติเอย คนไข้เอย กดดันเราไปหมด บางเคส ก็ไม่รู้ว่าจะราวน์อะไร เพราะไม่รู้เรื่องเลย ทิ้งไว้เป็นกระดาษเปล่าก็มี
เมื่อเทียบตอนนั้น กับ ตอนนี้ มันช่างต่างกันราวหน้ามือเป็นหลังมือ ตอนนี้ก็ไม่ใช่ว่าแม่นยำเรื่องเนื้อหาอะไร แต่ที่มี เกิดขึ้น และคิดว่าน่าจะติดอยู่ต่อไป คือ ความเป็นแพทย์ มันคือตัวกระตุ้นให้เราเดินหน้า มันคือตัวกระตุ้นที่ทำให้เราไม่หยุดพัฒนา(ไม่อยากรักษาคนไข้แบบผิด ๆ) มันคือตัวกระตุ้นที่ทำให้เราอดหลับอดนอน ดูคนไข้จนกว่าอาการจะพ้นระยะวิกฤต และ มันคือสิ่งที่ทำให้ผมผ่านมาจนถึงทุกวันนี้ได้
พูดไป น้อง ๆ อาจจะไม่เข้าใจ อาจจะยังกังวล แต่ระยะเวลาจะช่วยทำให้ความเป็นแพทย์ของน้องเพิ่มมากขึ้น และเมื่อมองย้อนกลับไป เราจะรู้เลยว่า เราเปลี่ยนแปลงตัวเองไปแค่ไหน เพราะคำว่าแพทย์
สู้ ๆ ทุกคนผ่านมันไปได้เสมอ แค่เพียงจำไว้ว่า เรา คือ แพทย์
จนถึงวันนี้ ซึ่งเพื่อนรุ่นเดียวกับผม ก็คงเตรียมตัวย้ายที่ทำงาน หรือ เตรียมตัวไปเที่ยวก่อนที่จะไปเรียนต่อกัน ผมเองก็มีแผนที่จะไปเรียนต่อด้วย แต่ก็ต้องอยู่ช่วยงานกับทางรพ.เดิมก่อน จนกว่าน้อง ๆ ที่เพิ่งย้ายเข้ามาทำงาน จะคล่องตัว
ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี กับน้อง ๆ Intern ใหม่ เพราะเท่าที่จำได้ (ถึงแม้ว่ามันจะผ่านมานานแล้ว แฮ่ ๆ) ตอนที่รู้ตารางงาน รู้ว่าจะต้องทำงานวันแรก คืนนั้นแทบนอนไม่หลับ กังวลทุกสิ่งอย่าง ไม่รู้ว่าจะสั่งยาคนไข้ถูกไหม ,ไม่รู้ว่าจะใส่ท่อช่วยหายใจเข้าหรือเปล่า ,ผ่าตัดทำคลอดยังไม่ชำนาญ , กลัวว่าถ้าโทร consult จะโดนดุไหม สารพัดปัญหา คิดกันให้วุ่น
วันแรก ทุกคนก็จะตื่นกันเช้ามาก รีบอาบน้ำ ไปทานข้าว ทั้ง ๆ ที่ทานกันไม่ค่อยลง แล้วก็รีบไปวอร์ด ไปดูเคสก่อนอาจารย์ เขียนOrder ก็ยังไม่แม่น พยาบาลเอย ญาติเอย คนไข้เอย กดดันเราไปหมด บางเคส ก็ไม่รู้ว่าจะราวน์อะไร เพราะไม่รู้เรื่องเลย ทิ้งไว้เป็นกระดาษเปล่าก็มี
เมื่อเทียบตอนนั้น กับ ตอนนี้ มันช่างต่างกันราวหน้ามือเป็นหลังมือ ตอนนี้ก็ไม่ใช่ว่าแม่นยำเรื่องเนื้อหาอะไร แต่ที่มี เกิดขึ้น และคิดว่าน่าจะติดอยู่ต่อไป คือ ความเป็นแพทย์ มันคือตัวกระตุ้นให้เราเดินหน้า มันคือตัวกระตุ้นที่ทำให้เราไม่หยุดพัฒนา(ไม่อยากรักษาคนไข้แบบผิด ๆ) มันคือตัวกระตุ้นที่ทำให้เราอดหลับอดนอน ดูคนไข้จนกว่าอาการจะพ้นระยะวิกฤต และ มันคือสิ่งที่ทำให้ผมผ่านมาจนถึงทุกวันนี้ได้
พูดไป น้อง ๆ อาจจะไม่เข้าใจ อาจจะยังกังวล แต่ระยะเวลาจะช่วยทำให้ความเป็นแพทย์ของน้องเพิ่มมากขึ้น และเมื่อมองย้อนกลับไป เราจะรู้เลยว่า เราเปลี่ยนแปลงตัวเองไปแค่ไหน เพราะคำว่าแพทย์
สู้ ๆ ทุกคนผ่านมันไปได้เสมอ แค่เพียงจำไว้ว่า เรา คือ แพทย์
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น