I message VS U message
ในบทความที่ผ่านมา ผมมักจะเขียนถึง I message อยู่บ่อยครั้ง ว่าเป็นเทคนิคการสื่อสารที่ดี
โดยเฉพาะกับเด็กและวัยรุ่น เนื่องจากคำพูดจะน่าฟังมากขึ้น
ส่งผลต่อความรู้สึกเชิงบวกมากกว่า อยากที่จะปฏิบัติตามมากกว่า
I message คือ การบอกถึงความต้องการหรือความรู้สึกของผู้พูดแทนการใช้อารมณ์หรือคำสั่ง
ต่างจาก U
message (เป็นประโยคที่ในชีวิตประจำวัน
ได้ยินอยู่ตลอดเวลา) คือ
ประโยคที่บอกว่าอีกฝ่ายหนึ่งทำอะไรผิด หรือมีพฤติกรรมอะไรที่ไม่ดี
ฟังแล้วเป็นการว่ากล่าวหรือสั่ง มากกว่าพูดเพื่อที่จะให้แก้ไข ส่งผลให้เกิดความรู้สึกเชิงลบต่อผู้ที่ฟังประโยคนั้น เด็กจะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า สูญเสียความมั่นใจ บางคนต่อต้านรุนแรง บางคนดื้อเงียบ และไม่ก่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในระยะยาว
ผมขออนุญาต
ยกตัวอย่างง่าย ๆ ที่ทำให้ผู้อ่านเข้าใจ 2 ประโยคนี้ได้
แล้วลองพิจารณากันว่า แบบไหนน่าจะดีกว่ากัน
“วิน หายไปไหนมา
แม่โทรหา ทำไมไม่รับสาย ไปทำอะไร” --- U message วินได้ฟังประโยคนี้ น่าจะรู้สึกรำคาญ
มากกว่าจะรับรู้ความเป็นห่วงของแม่
“แม่เป็นห่วงวินมากนะ
ที่ติดต่อวินไม่ได้ ไหนเล่าให้แม่ฟังซิ
เกิดอะไรขึ้นบ้าง” --- I message ที่สะท้อนความรู้สึกออกมา
จะทำให้ลูกรับรู้ถึงความเป็นห่วงของพ่อแม่ รู้สึกผิด
และน่าจะพยายามปรับตัวให้ดีขึ้น
“มด
หยุดเล่นเกมได้แล้ว นี่มันดึกแล้ว เข้านอนเดี๋ยวนี้” ---- U message ถ้าเราเป็นมด ก็คงขอต่อรอง หรือ
เถียงว่ายังไม่ดึกเลย ง่วงแล้วเดี๋ยวไปนอนเอง เด็กบางคนอาจจะอาละวาด งอแง
“แม่อยากให้มดเข้านอนนะ
พรุ่งนี้ต้องตื่นไปโรงเรียนแต่เช้า” --- I message ที่บอกถึงความต้องการของเรา ลูกอาจจะมีต่อลองบ้าง
แต่มดก็เข้าใจถึงความรู้สึกเป็นห่วงของแม่มากขึ้น
“ทำไมพูดจาไม่ดีแบบนี้”
--- U message เป็นการกล่าวโทษอย่างชัดเจน ลูกจะยิ่งมีอารมณ์ตอบโต้มากขึ้น
“แม่รู้สึกเสียใจที่ได้ยินลูกพูดแบบนี้”
--- I message ถ้าลูกคนไหนได้ยินประโยคนี้
ต้องจุกแน่นอน แล้วอารมณ์ก็จะค่อย ๆเบาลง
“ทำไมไม่ตั้งใจเรียน
อยากเป็นขอทานหรือไง” --- U message เป็นการดุว่าลูก
เด็กยิ่งรู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง หมดความพยายาม ซึ่งเป็นบ่อเกิดของ fix
mindset
“แม่อยากให้ลูกตั้งใจเรียนมากกว่านี้
เพื่ออนาคตที่ดีนะ” --- I message จุดมุ่งหมายเหมือนกัน
คือ อยากให้ลูกตั้งใจเรียน แต่ประโยคหลัง
เป็นประโยคที่ให้ความรู้สึกเชิงบวก ที่เด็กคิดว่าสามารถที่จะพัฒนาตัวเองได้
“ไหนบอกว่าจะกินยาตรงเวลา”
--- U message
“แม่อยากให้หนูกินยาให้ตรงเวลามากขึ้น”
---I message
ถ้าเราเป็นลูก เราจะปรับตัวกินยาให้ตรงเวลามากขึ้น
เมื่อฟังประโยคไหนครับ
“ทำไมต้องโกหกแม่
ทำผิดทำไมไม่ยอมรับผิด” --- U message เป็นการดุว่าโดยตรง
ไม่ได้ส่งเสริมเรื่องการแก้ปัญหา หรือการลดพฤติกรรมการโกหกเลย
“ทำไมแม่ถึงไม่รู้เรื่องนี้
เราจะทำอย่างไรต่อไปดีจ๊ะลูก” --- I message บอกถึงความรู้สึกของเรา และมองหาวิธีทางแก้ปัญหา
“แม่บอกไม่รู้กี่หนแล้ว
ว่าตื่นมาต้องพับผ้าห่ม” --- U message เด็กอาจจะทำ
เพราะว่าตัดรำคาญ แต่จะทำให้เฉพาะตอนนั้น
“แม่อยากให้ลูกพับผ้าห่มหลังตื่นนอนตอนเช้า”
--- I message
“มัวแต่ชักช้าอยู่นั่นแหล่ะ
เดี๋ยวไปโรงเรียนสายกันพอดี” --- U message
“แม่กลัวลูกจะไปโรงเรียนสาย
เรารีบกันหน่อยดีไหมลูก” --- I message
“เพื่อนแบบนี้คบไปได้อย่างไร
ทำไมไม่ใช้สมองคิดบ้าง” --- U message
“แม่เป็นห่วงที่หนูคบกับเพื่อนกลุ่มนี้
หนูคิดว่าเขามีอะไรน่าเป็นห่วงไหมลูก” --- I message
“เรื่องง่าย ๆ
แค่นี้ ทำไมถึงทำไม่ได้” --- U message
“ใคร ๆ เขาก็ทำได้กันทั้งนั้น”
--- They message
กล่างถึงบุคคลที่ 3 ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร
และให้ผลลัพธ์ในเชิงลบเช่นกัน เพราะไปเปรียบเทียบกันบุคคลอื่น
“แม่อยากให้ลูกลองพยายามทำอีกครั้งนะ”
--- I message
“ลูกเป็นพี่ที่ใช้ไม่ได้เลยนะ”
--- U message
“แม่ไม่ชอบให้ทะเลาะกัน
เป็นพี่น้องต้องรักกัน” --- I message เป็นการปลูกฝังพฤติกรรมที่ดีระยะยาว
ต้องยอมรับว่า เราใช้
U message ตลอดเวลาในสังคมไทย
ทำให้การสื่อสารล้มเหลว ซึ่งการปรับเป็น I message แค่พูดความรู้สึก หรือ
สิ่งที่เราอยากให้เกิดขึ้น ทำไม่ยาก แต่ที่ยากคือ การมีสติที่จะปรับคำพูด ดังนั้น
เมื่อพ่อแม่เริ่มมีอารมณ์หงุดหงิดหรือโกรธ สูดหายใจเข้าออกลึก ๆ แล้วบอกถึงความรู้สึกของเรา
หรือ ความต้องการของเราตรง ๆ ดีกว่าจะไปดุว่า ว่า ทำไมเป็นแบบนี้ ทำไมไม่ทำแบบนั้น เราอาจจะเริ่มวิธีง่าย ๆ ก่อน เช่น
พ่อ/แม่ อยาก .......
พ่อ/แม่ รู้สึก ........
พ่อ/แม่ เป็นห่วง .......
พ่อ/แม่ อยาก .......
พ่อ/แม่ รู้สึก ........
พ่อ/แม่ เป็นห่วง .......
ดีมากค่ะ
ตอบลบผมอยากฝึก I message ครับ ผมต้องเริ่มยังไง พอแนะนำได้ไหมครับ ขอบคุณครับ
ตอบลบBackground นะครับ ปกติคิดยังไงก็โพร่งออกไปเลยครับ ตอนเด็ก ๆ ไม่มีผลกระทบครับ พออายุมากขึ้น เริ่มเห็นผลกระทบ จากเล็ก ๆ น้อย ๆ ตอนนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ ครับ
เวชาเห็นคนใช้คำพูดง่าย ๆ แล้วเห็นภาพ หรือคำพูดที่ดูดีสวยงาม จริงใจ ผมอยากเรียนรู้วิธีพูดแบบนั้นบ้างครับ ขอบคุณที่ผ่่่านมาอ่านข้อกังวลของผมนะครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ
แนะนำให้ลองไปสมัครในเพจ Toolmorrow หรือ เพจ คุณเปลี่ยนลูกเปลี่ยน ตอนนี้เขาเปิดสอนวิธีการสื่อสารเชิงบวก ด้วย I message ครับ ฟรี เรียนออนไลน์ 9 วัน
ลบ