Drowning prevention
อย่างที่กล่าวไปคราวที่แล้ว ว่าช่วงนี้ผมจะเขียนถึงเรื่อง Child Health Supervision และวันนี้ก็จะนำเสนอเรื่อง Injury prevention อย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นสาเหตุการตายมากที่สุดของเด็ก คือ Drowning ( ภาวะการจมน้ำ )
1. ผมเคยเจอคำถามจากพ่อแม่บางท่าน เกี่ยวกับการให้ลูกเรียนว่ายน้ำ
โดยปกติการเรียนว่ายน้ำในเด็กเอง มีจุดประสงค์แตกต่างกัน เช่น อยากให้เด็กได้ไปเรียนรู้สิ่งใหม่ อยากให้มีเพื่อนหรือสังคมมากขึ้น บางคนอยากให้ลูกที่มีปัญหากระดูกหรือข้อ ได้ไปออกกำลังกายหรือเป็นกายภาพบำบัดในน้ำ ซึ่งถ้าด้วยจุดประสงค์เหล่านี้ ก็คงไม่มีปัญหาใด แต่พ่อแม่เองก็ต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิดเช่นกัน
แต่ถ้าในกรณีที่ อยากให้เรียนรู้ทักษะการว่ายน้ำ เพื่อที่จะเอาชีวิตรอดจากการจมน้ำ CDC, child safety and injury prevention, drowning prevention แนะนำว่า ในเด็กที่อายุน้อยกว่า 4 ขวบ ยังไม่มีทักษะที่มากพอ ทั้งในด้านของกล้ามเนื้อ สติ รวมถึงความนึกคิดและระแวดระวัง ทำให้การเรียนว่ายน้ำในเด็กกลุ่มนี้ มักไม่ค่อยได้ผลและเป็นข่าวบ่อยครั้งที่เด็กเล็กที่พ่อแม่บอกว่าว่ายน้ำเป็น กลับเป็นเหยื่อการจมน้ำซะเอง
2. เมื่อเริ่มมีการเรียนว่ายน้ำ สิ่งที่ควรจะต้องทำ
อย่างแรก คือ กระบวนการเรียน หรือการเล่นน้ำ ต้องมี Touch supervision หรือการดูแลเด็กใกล้ชิด และสามารถเอื้อมมือไปถึงเด็กได้อยู่ตลอดเวลา , คนที่อยู่ใกล้เด็กก็ต้อง CPR หรือการช่วยชีวิตขั้นต้น เป็นด้วย
3. ถ้าพ่อแม่จะสร้างสระว่ายน้ำภายในบ้าน สิ่งสำคัญคือ Fencing and barrier หรือรั้วนั่นเอง
ควรมีรั้วล้อมรอบสระน้ำทั้ง 4 ด้าน โดย AAP 2010 ได้แนะนำเรื่องของการสร้างรั้ว ให้สูงอย่างน้อย 4 ฟุต และ ร้ัวเองจะต้องเป็นรั้วแนวตั้ง ตามภาพ ห่างกันน้อยกว่า 4 นิ้ว ( ที่ไม่ทำรั้วแนวนอน เพราะเด็กอาจปีนขึ้นไปได้ และ ไม่ให้รั้วแต่ละซี่ ห่างกันเกิน 4 นิ้วเพราะเด็กอาจจะเอาหัวรอดเข้าไปได้ ซึ่งอันตรายหากเกิดการ Entrapment หรือคอติดในร่องรั้ว )
และไม่ทำรั้งทึบเป็นอันขาด เนื่องจากผู้ดูแลอาจมองไม่เห็นเด็กที่อยู่ภายในได้
4. ส่วนพ่อแม่ที่จะให้เด็ก ว่ายน้ำเอง โดยอาจจะไม่ได้ดูแลแบบ Touch Supervision เมื่อไหร่
ส่วนใหญ่มักจะแนะนำในเด็กที่อายุมากกว่า 7 ขวบ , โดยเด็กจะต้องรู้จุดเสี่ยง จุดไหนน้ำลึก, ลอยตัวในน้ำได้อย่างน้อย 3 นาที, ว่ายน้ำได้ อย่างน้อย 15 เมตร เข้าหาฝั่ง, และเวลาสอนเด็กในการช่วยเหลือผู้อื่นที่จมน้ำ ต้องให้เด็กตะโกนขอความช่วยเหลือ อย่าลงไปช่วยเอง พร้อมทั้งโยนอุปกรณ์ลอยน้ำได้ไปช่วย
5. ทุกครั้งที่เดินทางทางน้ำทุกครั้ง แนะนำการใส่เสื้อชูชีพเสมอ
6. Rip Current
เมื่อมีการพาเด็กไปว่ายน้ำที่ทะเล ต้องสอนวิธีการเลี่ยง Rip Current หรือกระแสน้ำที่พัดออกจากฝั่ง โดยเด็กต้องตั้งสติ อย่าพยายามว่ายทวนกระแส เพราะจะยิ่งทำให้เด็กหมดแรง ปล่อยให้กระแสน้ำอ่อนแรง ก็ค่อยๆ ว่ายขนานกับชายฝั่ง และเมื่อถึงบริเวณที่ไม่มี Rip Current ค่อยว่ายเข้าหาฝั่งอย่างปลอดภัย
หวังว่าบทความนี้ จะช่วยผู้อ่าน ไม่มากก็น้อยนะครับ ^^
ขอบคุณ รูปภาพจาก http://strangesounds.org/2015/05/its-el-nino-season-learn-how-to-escape-a-rip-current.html
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น