การฉีดวัคซีนสำหรับผู้ใหญ่ ใครว่าไม่จำเป็น --!

สวัสดีนะครับ เพื่อน ๆ นักอ่านเป็นอย่างไรบ้าง ส่วนผู้เขียนยังสบายดี และกินเก่งเหมือนเดิม 555 ช่วงนี้ผู้เขียนเองพยายามจะหาหัวข้อที่อ่านง่าย อ่านได้ทั้งบุคลากรทางการแพทย์ และบุคคลภายนอกทั่วไป อ่านแล้วก็เป็นประโยชน์ด้วย ก็เลยนึกถึงเรื่องของการฉีดวัคซีนในผู้ใหญ่ ซึ่งปัจจุบันได้รับการส่งเสริมมากขึ้น เนื่องจากมีความเชื่อกันว่าวัคซีนที่เราเคยฉีดกันตอนเด็ก ๆ นั้น ภูมิคุ้มกันอาจจะตกลงไป จึงแนะนำให้ฉีดวัคซีนกระตุ้น เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายที่ลดลง

ยกตัวอย่างนะครับ ล่าสุด เมื่อประมาณปีก่อน ประเทศไทยมีการรายงานว่ามีการแพร่ระบาดของโรคคอตีบในผู้ใหญ่ ที่ถึงแม้ว่าเคยได้รับวัคซีนจนครบเมื่อตอนเด็ก หรือแม้กระทั่งบาดทะยัก ที่มีการศึกษาว่าภูมิคุ้มกันโรคบาดทะยักมีแนวโน้มลดลงในช่วงอายุ 15-30 ปี นั่นจึงเป็นแนวคิดใหม่ที่แนะนำให้ผู้ใหญ่อย่างเราต้องฉีดวัคซีนเพิ่ม

1.โรคบาดทะยัก และ โรคคอตีบ แนะนำฉีดเป็น dT กระตุ้นทุก ๆ 10ปี

2. โรคไอกรน ตอนนี้มีเป็นวัคซีนรวม Tdap ( diphtheria-tetanus-acellular pertussis vaccine ) โดยแนะนำให้ฉีดกระตุ้นเพียง 1 ครั้ง ซึ่งจะให้ภูมิคุ้มกันโรคไอกรนตลอดชีวิต

3. อีสุกอีใส ฉีดป้องกันโรคแก่เด็กที่มีอายุมากกว่า 13 ปี โดยจะฉีด 2 เข็มห่างกัน 4 สัปดาห์ ส่วนในกรณีที่ให้ประวัติว่าเคยเป็นโรคมาก่อน ไม่มีความจำเป็นต้องตรวจหาภูมิคุ้มกัน เนื่องจากลักษณะของโรคอีสุกอีใสชัดเจนและมักมีภูมิต้านทานแล้ว ไม่ต้องฉีดเพิ่ม

4. หัด-คางทูม-หัดเยอรมัน แนะนำฉีดกระตุ้น 1 เข็ม และ1เข็มห่างจากเข็มแรก 4 สัปดาห์ ในกรณีผู้ที่เรียนระดับอุดมศึกษาสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคหัดหรือขณะนั้นกำลังมีโรคหัดระบาด นักเรียนที่ต้องเดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศ บุคคลากรทางการแพทย์

5. ตับอักเสบ B การฉีดวัคซีนเข้ากล้ามเนื้อต้นแขน 3 ครั้ง ที่ 0,1,6 เดือน โดยก่อนฉีด แนะนำให้เจาะเลือดตรวจระดับ anti-HBs และ HBs Ag  ก่อนว่ามีภูมิคุ้มกันหรือยัง แต่ถ้าเป็นกลุ่มคนที่เกิดหลังปี 2535 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการรณรงค์เรื่องการฉีดวัคซีนในเด็ก แล้วไม่แน่ใจ หรือจำไม่ได้ว่าเคยฉีดมาก่อนหรือไม่ แนะนำฉีดกระตุ้น 1 เข็มก่อน แล้วนัดมาตรวจระดับ anti-HBsถ้า > 10IU/ml อาจจะไม่จำเป็นต้องฉีดต่อ 

มีต่อภาค 2 นะครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก Recommended Adult and Early immunization Schedule ของราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทยปี 55