Noah กับ Moral Dilemma ทางแยกของศีลธรรมกับความถูกต้องตามหน้าที่



สงกรานต์ที่ผ่านมานี้ ไปเที่ยวไหนกันบ้างครับ  เปียกกันบ้างอ่ะป่าว 555

ส่วนผม ก็กลับบ้านครับ ไปดูหนัง ทานข้าวกับที่บ้าน ไม่ได้ออกไปเล่นน้ำเหมือนคนอื่น ๆ เขา  แต่ถามว่ามีความสุขไหม ผมว่าการได้อยู่ที่บ้าน มันเป็นอะไรที่มีความสุขอยู่แล้วครับ แต่อาจจะไม่สนุกเท่ากับเล่นสาดน้ำกัน 555 พออายุมากขึ้น ความอยากเล่นน้ำก็ลดลงเยอะ

ตอนนี้กลับบ้านไป พ่อผมเอง เอ่ยปากว่าอยากดูหนังเรื่อง Noah อยากจะไปดูว่า หนังจะสร้างเรือของNoah ในแบบไหน แล้วก็จะไปดูฉากน้ำท่วมโลกด้วย  ทั้งที่ตอนแรก ผมก็เอ่ยชวนไปดูกัปตัน ซึ่งก่อนหน้านั้นผมดูมาแล้วรอบหนึ่ง แล้วรู้สึกว่ามันสนุกดี แต่เอาเป็นว่าเมื่อท่านบุพการีอยากดู เราก็ขัดคำสั่งไม่ได้

ด้วยความที่ครอบครัวของผม เป็นกลุ่มชาวพุทธที่เข้าวัดน้อย ความรู้เกี่ยวกับศาสนาเองก็มีไม่ค่อยมาก (ไม่ใช่ว่าผมเป็นพุทธศาสนิกชนที่ไม่ดีนะครับ เพียงแต่กิจวัตรและอาชีพของเรา ทำให้การเดินทางเข้าวัดเป็นเรื่องที่ทำได้ยากยิ่ง แต่อาจจะเป็นข้อแก้ตัวของผมด้วยส่วนหนึ่ง T^T เอาเป็นว่าผมยอมรับผิดในส่วนนี้ ) แล้วนี่ไม่ต้องพูดถึงศาสนาอื่นเลย โดยเฉพาะศาสนาคริสต์ เพราะความรู้ที่มีเท่าหางอึ่ง 555 คิดเอาแล้วว่า ดูแล้วต้องงงแน่ ๆ เลย

ประกอบกับ ส่วนตัวของผม เป็นคนที่ชอบดูหนังมาก ดูได้ทุกแนว ยิ่งแนวเครียด ๆ ยิ่งชอบมาก ๆ เพราะฉะนั้น ผมจึงเคยผ่านตาหนังของ Darren Aronofsky หลายเรื่อง เช่น Requiem for a Dream และ The Fountain ส่วน Black swan อันลือลั่นของเขานั้น ผมยังไม่เคยมีโอกาสดู แต่มีโอกาสได้ฟังเพื่อนยกย่องตัวหนังเรื่องนั้นกันนัก  ในใจก็คิดว่าผู้กำกับ Darren น่าจะทำหนังได้จับใจความง่ายขึ้น เพราะคนดูในวงกว้างต่างให้การยอมรับหนังของเขามากขึ้น

แต่ก็ไม่ไว้ใจร้อยเปอร์เซ็น ผมเตรียมใจไว้แล้วว่า จะต้องมีอะไรที่ทำให้เรารู้สึกสับสนในหนังของเขาแน่ ๆ เพราะ Requiem for a Dream และ The Fountain ผมต้องดูหลายรอบมาก เพราะพยายามจับเนื้อความที่ผกก.ต้องการสื่อออกมา เรื่องแรกยังพอไหว แต่เรื่องหลังนี้ ทำเอาผมร่วงเลย เพราะไม่เข้าใจสิ่งที่เขาต้องการสื่อ

ก่อนหนังจะเริ่ม ผมก็ยังเป็นกังวลว่า พ่อแม่ เราจะดูรู้เรื่องไหมเนี่ย เตรียมใจระดับหนึ่ง คือจองรอบภาคไทยเอาไว้ กันมึน 555

พอดูจบ ต้องยอมรับว่า ตัวหนังเองไม่สนุกเท่าที่ควร  แต่ภาพ เอฟเฟค ต่าง ๆ ทำได้ดีตามมาตรฐานหนัง Hollywood ทุนสูงอยู่แล้ว  แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่าหนังมีประเด็นที่จับง่าย  โดยเฉพาะในองค์หลัง ที่พูดถึงความขัดแย้งของจริยธรรมภายในจิตใจของNoah และ ความถูกต้องตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย  ซึ่งเราเรียกความขัดแย้งนี้ว่า “Moral Dilemma”  นี่แหล่ะ คือหมัดเด็ดของหนัง

ผู้ชมโดยทั่วไป อาจจะไม่ทราบว่า คำ ๆ นี้ มีความหมายว่าอย่างไร ผมอธิบายเป็นภาษาไทย ง่าย ๆ ว่า ความขัดแย้งของจริยธรรมภายในจิตใจ กับ หน้าที่และความถูกต้อง

ผมจะขอหยิบยกตัวอย่างสมมติขึ้นมานะครับ 

ถ้าท่านเป็นแพทย์เวรของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง คืนนั้น พี่ชายของท่านและภรรยา ที่ท่านรักและเคารพมาก ๆ มาเยี่ยม และกำลังนั่งคุยเล่นกับท่านในห้องพักแพทย์ ขณะนั้นเองมีผู้ป่วยฉุกเฉินอาการสาหัสมาก ๆ แต่ถ้าได้รับการช่วยชีวิตขั้นสูงในทันที จึงจะมีโอกาสรอดชีวิตสูง และตอนนี้ห้องฉุกเฉินรอท่านเพียงแค่คนเดียว ขณะที่ท่านรีบวิ่งออกจากห้องพักแพทย์ได้ครึ่งทางนั้น ปรากฏว่าพี่สะใภ้โทรมา บอกว่าพี่ชายของท่านจุกแน่นอกขึ้นมาอย่างฉับพลันหายใจไม่ออก และหมดสติลง โดยขณะนั้น มีท่านเป็นแพทย์เพียงคนเดียวที่อยู่ในรพ. และมีพี่พยาบาลชำนาญการแค่คนเดียว พร้อมกับพี่ผู้ช่วยพยาบาลอีกท่าน ซึ่งต้องประจำที่ห้องฉุกเฉิน (โดยสมมติว่า โรงพยาบาลนี้ไม่มีแผนกผู้ป่วยใน รับตรวจเพียงแค่เคส OPD หรือ ER เท่านั้นแล้วส่งต่อไปรพ.ที่ใหญ่กว่า)

ท่านจะรีบไปดูใครก่อนระหว่างพี่ชายของท่าน ซึ่งยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร หรือ รุนแรงมากน้อยแค่ไหน กับผู้ป่วยของท่าน ที่อาการรุนแรงมาก และต้องได้รับการช่วยชีวิตขึ้นสูงทันทีถึงจะมีโอกาสรอด

อันนี้เป็นตัวอย่างที่ผมสมมติขึ้นมา อาจจะไม่สมบูรณ์มาก แต่เอาให้ผู้อ่านเข้าใจ concept ของ Moral Dilemma ว่ามันคืออะไร พูดง่าย ๆ คือ เหตุการณ์หนึ่ง ๆ ที่มีสองทางเลือก ที่บีบคุณให้เลือกได้เพียงทางใดทางหนึ่ง ไม่มีข้อใดผิด ไม่มีข้อใดถูก100% แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกข้อใดก็ตาม คุณจะมีความรู้สึกผิดขึ้นมาในใจทันที

ในเรื่องนี้ Noah ก็เช่นกัน ที่ต้องเลือก ระหว่างหน้าที่ที่พระผู้เป็นเจ้ามอบหมายให้ทำ กับ การรักษาชีวิตของเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง ซึ่งสิ่งที่ Noah เลือกในเรื่อง ไม่ผิด และ ไม่ถูกทั้งหมด ลองคิดเปรียบเทียบกันว่า ถ้าเราเป็น Noah นะขณะนั้น เราจะทำอย่างไร ผมว่าคงพะอืดพะอมน่าดูเลย

แต่ผู้กำกับ Darren ก็หาทางออกให้กับ Noah ได้ดี และสามารถขมวดเรื่องจนจบและถึงฝั่งได้อย่างหวุดหวิด

อันนี้อาจจะไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับอาชีพแพทย์อย่างเราโดยตรง แต่อาจมีบางครั้งที่สภาวะการมันบีบบังคับ ระหว่างความถูกต้องกับศีลธรรมจริยธรรม ให้แพทย์อย่างเรา ๆ ต้องตัดสินใจ ที่เจอบ่อยก็จะเป็นเรื่องของ AIDs เช่น การเก็บความลับผู้ป่วย กับ การเลือกที่จะบอกความจริงกับทางญาติ เพื่อหาทางป้องกัน

ปล. ช่วงนี้ใครที่ต้องเดินทางไกล ๆ เพื่อกลับมาในทำงานในอีกวันถึงสองวัน ขอให้เดินทางอย่างระมัดระวังนะครับ ^^

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Denver II Part 1

I message VS U message

Sedation in Pediatrics