เรื่องของสิว
วันนี้ประเดิมสักเรื่องก่อนนะคับ
สิว (acne) บางคนแค่ได้ยินชื่อก็ขยาดหวาดกลัวมาก ผมเองก็เช่นเดียวกัน เนื่องจากยังอยู่ในช่วงวัยรุ่น (ตอนปลาย555)
เวลาอยู่เวรติด ๆ กันหลายวัน อาบน้ำบ้าง ไม่ได้อาบบ้าง สิวมันก็จะเหอขึ้นมาได้ง่าย ๆ แต่ผมเอง โชคดีอยู่อย่างหนึ่ง ตรงที่เวลาเป็นจะเป็นไม่มากแล้วก็จะหายเร็ว แต่สำหรับบางคนมันรุนแรงมาก
ผมเชื่อว่าทุกคนที่ผ่านช่วงวัยรุ่นมา น่าจะผ่านการมีสิวกันมาบ้าง บางคนใช้ผลิตภัณฑ์ หรือ โฟมล้างหน้าที่เหมาะกับตัวเอง ก็โชคดีไป แต่สำหรับคนที่เปลี่ยนหลายยี่ห้อ ตั้งแต่ราคาถูก ๆ ไต่มาใช้ของแพงขึ้นเรื่อย ๆก็ยังไม่ดีขึ้น จนต้องพึ่งคลินิกหน้าใส บางคนก็โชคดี รักษาแล้วก็หาย บางคนเข้าคลินิกแล้ว อาการก็ยังไม่ทุเลา บางคนก็ซื้อยารักษาเอง เพราะกลัวว่าเข้า clinic แล้ว จะเลี้ยงสิว กลัวจะเสียตังค์เยอะ เอาเป็นว่าบทความนี้ น่าจะพอช่วยคุณ ๆ ได้บ้าง
ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจกลไกของการเกิดสิวก่อน ว่ามันเกิดได้อย่างไร
1.follicular epithelium hyperproliferation เอาเป็นว่าขั้นตอนนี้เกิดจากการแบ่งตัวของเซลล์ผิวในรูขุมขนที่มากผิดปกติ
2.Excess sebum production นอกจากมีการแบ่งเซลล์มากขึ้นแล้ว ในรูขุมขนเอง ยังมีการสร้างน้ำมันออกมากด้วย
3.Proliferation and Colonization of P.acne เชื้อโรคที่ผิว ก็จะเจริญเติบโต และแบ่งตัวมากขึ้น เนื่องจากมีอาหารชั้นดี จากข้อ 1,2
4.Inflammatory process เมื่อเชื้อเจริญเติบโตมากผิดปกติ ร่างกายจึงสร้างภูมิคุ้มกันให้มากำจัดเชื้อ เกิดสงครามย่อย ๆ บริเวณใบหน้า จนกลายเป็นการอักเสบตามมา
เห็นไหมครับว่ากลไกมันง่ายมาก เมื่อรู้กลไก เราก็กำจัดมันได้ ถ้าขาดกลไกหนึ่งไป สิวก็ไม่อาจเกิดขึ้นได้ โดยยาจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือยาทา กับยาทาน
1.ยาทา
1.1 tretinoic acid 0.025-0.1% : โดยยาตัวนี้จะมีผลกับ inflammatory process ซึ่งจะช่วยลดอาการอักเสบของสิวได้ แต่ต้องระมัดระวังการใช้ด้วย เพราะว่าถ้าใช้ช่วงแรก อาจจะมีปัญหา flare up ได้ ทำให้แสบและหน้าลอกได้เมื่อถูกแสง เพราะฉะนั้น ถ้าจะใช้ ช่วงแรกให้ใช้เป็นวันเว้นวันก่อน และทาก่อนนอน
1.2 Adapalene gel คล้าย tretinoic acid เพียงแต่ irritate ผิวน้อยกว่า แพทย์ผิวหนังบางคนบอกว่าทากลางวันได้ แต่จากประสบการของผม เนื่องจากได้ของฟรีจากการประชุมโรคผิวหนัง จึงลองเอามาทาช่วงกลางวัน โห burn มาก แดงเป็นวงเลย ตัวสิวอ่ะ 3-4 วันก็ยุบแล้ว แต่ไอ้รอยจ้ำแดงนี่ซิ เป็นสัปดาห์เลย เศร้า T^T เอาเป็นว่าตัวนี้ผมแนะนำใช้กลางคืนนะครับ
อีกตัวที่พูดถึงกันบ่อยคือ 5-10% benzoyl peroxide ซึ่งมันจะมีกลไกฆ่าเชื้อ P.acne เพราะฉะนั้น คนส่วนใหญ่จึงนิยมใช้ Adapalene gel.คู่ไปด้วย ช่วยยับยั้งถึง 2 กลไกของการเกิดสิว (ขณะนี้มีในรูปแบบผสม Epiduo )
ส่วยยาฆ่าชื้อแบบทา ก็ยังใช้ได้อยู่นะ แต่แน่นอน ยับยั้งแค่กลไก P.acne อย่างเดียว เช่น tetracycline gel .... เป็นต้น ดังนั้น ถ้าจะให้ผมแนะนำ ดูตามกลไก ยาทาที่ดีสุดน่าจะเป็น Epiduo gel นะ
ส่วนยาทาน จริง ๆ แล้ว ถ้าถึงกับใช้ยาทานรักษาสิว ผมว่าน่าจะเป็นค่อนข้างมาก อาจเป็นระดับ Acne conglobata เลยหล่ะ เพราะฉะนั้น ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนังเท่านั้น
Roacutane ถ้าไม่พูด คงมีบางคนผิดหวัง เอาอย่างนี้นะครับ สรรพคุณมัน ยับยั้งทุกกลไกของการเกิดสิวเลยครับ เพราะอย่างนี้ จึงมีแต่คนบอกว่ามันเป็นยาเทพในการรักษาสิว แต่ถ้าท่านได้ทาน ต้องใจเย็นหน่อยนะ กว่าจะเห็นผลจริง ก็ประมาณ 3 เดือนเลยหล่ะ นอกจากผลดีแล้ว ก็มีผลเสียที่ร้ายแรงเช่นกัน อาทิ ผิวแห้ง ตาแห้ง ปวดข้อ ตับอักเสบ เป็นต้น
อ่านสนุก ๆ เป็นพื้นฐานนะครับ ยังไงแล้ว ถ้ารุนแรงจริง ๆ ไปพบหมอตัวเป็น ๆ น่าจะดีกว่าหมอ online นะครับ
สิว (acne) บางคนแค่ได้ยินชื่อก็ขยาดหวาดกลัวมาก ผมเองก็เช่นเดียวกัน เนื่องจากยังอยู่ในช่วงวัยรุ่น (ตอนปลาย555)
เวลาอยู่เวรติด ๆ กันหลายวัน อาบน้ำบ้าง ไม่ได้อาบบ้าง สิวมันก็จะเหอขึ้นมาได้ง่าย ๆ แต่ผมเอง โชคดีอยู่อย่างหนึ่ง ตรงที่เวลาเป็นจะเป็นไม่มากแล้วก็จะหายเร็ว แต่สำหรับบางคนมันรุนแรงมาก
ผมเชื่อว่าทุกคนที่ผ่านช่วงวัยรุ่นมา น่าจะผ่านการมีสิวกันมาบ้าง บางคนใช้ผลิตภัณฑ์ หรือ โฟมล้างหน้าที่เหมาะกับตัวเอง ก็โชคดีไป แต่สำหรับคนที่เปลี่ยนหลายยี่ห้อ ตั้งแต่ราคาถูก ๆ ไต่มาใช้ของแพงขึ้นเรื่อย ๆก็ยังไม่ดีขึ้น จนต้องพึ่งคลินิกหน้าใส บางคนก็โชคดี รักษาแล้วก็หาย บางคนเข้าคลินิกแล้ว อาการก็ยังไม่ทุเลา บางคนก็ซื้อยารักษาเอง เพราะกลัวว่าเข้า clinic แล้ว จะเลี้ยงสิว กลัวจะเสียตังค์เยอะ เอาเป็นว่าบทความนี้ น่าจะพอช่วยคุณ ๆ ได้บ้าง
ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจกลไกของการเกิดสิวก่อน ว่ามันเกิดได้อย่างไร
1.follicular epithelium hyperproliferation เอาเป็นว่าขั้นตอนนี้เกิดจากการแบ่งตัวของเซลล์ผิวในรูขุมขนที่มากผิดปกติ
2.Excess sebum production นอกจากมีการแบ่งเซลล์มากขึ้นแล้ว ในรูขุมขนเอง ยังมีการสร้างน้ำมันออกมากด้วย
3.Proliferation and Colonization of P.acne เชื้อโรคที่ผิว ก็จะเจริญเติบโต และแบ่งตัวมากขึ้น เนื่องจากมีอาหารชั้นดี จากข้อ 1,2
4.Inflammatory process เมื่อเชื้อเจริญเติบโตมากผิดปกติ ร่างกายจึงสร้างภูมิคุ้มกันให้มากำจัดเชื้อ เกิดสงครามย่อย ๆ บริเวณใบหน้า จนกลายเป็นการอักเสบตามมา
เห็นไหมครับว่ากลไกมันง่ายมาก เมื่อรู้กลไก เราก็กำจัดมันได้ ถ้าขาดกลไกหนึ่งไป สิวก็ไม่อาจเกิดขึ้นได้ โดยยาจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือยาทา กับยาทาน
1.ยาทา
1.1 tretinoic acid 0.025-0.1% : โดยยาตัวนี้จะมีผลกับ inflammatory process ซึ่งจะช่วยลดอาการอักเสบของสิวได้ แต่ต้องระมัดระวังการใช้ด้วย เพราะว่าถ้าใช้ช่วงแรก อาจจะมีปัญหา flare up ได้ ทำให้แสบและหน้าลอกได้เมื่อถูกแสง เพราะฉะนั้น ถ้าจะใช้ ช่วงแรกให้ใช้เป็นวันเว้นวันก่อน และทาก่อนนอน
1.2 Adapalene gel คล้าย tretinoic acid เพียงแต่ irritate ผิวน้อยกว่า แพทย์ผิวหนังบางคนบอกว่าทากลางวันได้ แต่จากประสบการของผม เนื่องจากได้ของฟรีจากการประชุมโรคผิวหนัง จึงลองเอามาทาช่วงกลางวัน โห burn มาก แดงเป็นวงเลย ตัวสิวอ่ะ 3-4 วันก็ยุบแล้ว แต่ไอ้รอยจ้ำแดงนี่ซิ เป็นสัปดาห์เลย เศร้า T^T เอาเป็นว่าตัวนี้ผมแนะนำใช้กลางคืนนะครับ
อีกตัวที่พูดถึงกันบ่อยคือ 5-10% benzoyl peroxide ซึ่งมันจะมีกลไกฆ่าเชื้อ P.acne เพราะฉะนั้น คนส่วนใหญ่จึงนิยมใช้ Adapalene gel.คู่ไปด้วย ช่วยยับยั้งถึง 2 กลไกของการเกิดสิว (ขณะนี้มีในรูปแบบผสม Epiduo )
ส่วยยาฆ่าชื้อแบบทา ก็ยังใช้ได้อยู่นะ แต่แน่นอน ยับยั้งแค่กลไก P.acne อย่างเดียว เช่น tetracycline gel .... เป็นต้น ดังนั้น ถ้าจะให้ผมแนะนำ ดูตามกลไก ยาทาที่ดีสุดน่าจะเป็น Epiduo gel นะ
ส่วนยาทาน จริง ๆ แล้ว ถ้าถึงกับใช้ยาทานรักษาสิว ผมว่าน่าจะเป็นค่อนข้างมาก อาจเป็นระดับ Acne conglobata เลยหล่ะ เพราะฉะนั้น ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนังเท่านั้น
Roacutane ถ้าไม่พูด คงมีบางคนผิดหวัง เอาอย่างนี้นะครับ สรรพคุณมัน ยับยั้งทุกกลไกของการเกิดสิวเลยครับ เพราะอย่างนี้ จึงมีแต่คนบอกว่ามันเป็นยาเทพในการรักษาสิว แต่ถ้าท่านได้ทาน ต้องใจเย็นหน่อยนะ กว่าจะเห็นผลจริง ก็ประมาณ 3 เดือนเลยหล่ะ นอกจากผลดีแล้ว ก็มีผลเสียที่ร้ายแรงเช่นกัน อาทิ ผิวแห้ง ตาแห้ง ปวดข้อ ตับอักเสบ เป็นต้น
อ่านสนุก ๆ เป็นพื้นฐานนะครับ ยังไงแล้ว ถ้ารุนแรงจริง ๆ ไปพบหมอตัวเป็น ๆ น่าจะดีกว่าหมอ online นะครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น